รอพ่อก่อนนะลูก !! "ไมค์" รน้ำตาไหล "ซาร่า" ออกเล่า"น้องแม็กซ์เวลล์" ติดเชื้อไวรัส RSV ไม่ยอมหายไม่บอกใครเพราะเกร่งใจ !?? - thaigas

รอพ่อก่อนนะลูก !! "ไมค์" รน้ำตาไหล "ซาร่า" ออกเล่า"น้องแม็กซ์เวลล์" ติดเชื้อไวรัส RSV ไม่ยอมหายไม่บอกใครเพราะเกร่งใจ !??

loading... แน่นอนว่าทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่าง "ไมค์ พิรัชต์" และ "ซาร่า คาซิงกินี" เป็นกังวลหนัก เมื่อต...


loading...
แน่นอนว่าทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่าง "ไมค์ พิรัชต์" และ "ซาร่า คาซิงกินี" เป็นกังวลหนัก เมื่อต้องมารู้ว่า "น้องแม็กซ์เวลล์" ลูกชายคนเดียว ป่วยติดเชื้อไวรัส RSV ซึ่งที่ผ่านมานอกจากจะเห็นว่าคุณแม่ไปตามนอนเฝ้าดูแลลูกชายอยู่ไม่ห่าง ส่วนทางด้านของคนเป็นพ่อนั้น ด้วยเพราะทำงานอยู่ไกลในต่างแดน จึงทำได้แค่เพียงส่งกำลังใจให้ลูกชายผ่านทางวิดีโอคอล แต่ที่ชวนซึ้งไปกว่านั้นคือจากเหตุการณ์นี้ทำหนุ่มไมค์ถึงกับหลั่งน้ำตาข้ามประเทศเลยทีเดียวเพราะเป็นห่วงอาการของลูกชาย และอึดอัดที่ไม่สามารถกลับมาอยู่ดูแลได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น้อยคนจะรู้ถ้าไม่ได้ยินจากปากของสาวซาร่า โดยล่าสุดซาร่า ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อัพเดทถึงอาการป่วยของลูกชาย และเผยถึงน้ำตาของหัวอกคนเป็นพ่อมาว่า..




" น้องเป็น  RSV ค่ะ เป็นโรคระบาด โรคนี้เด็กๆเป็นกันค่อนข้างเยอะ ตอนแรกเราสงสารเพราะเราไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่งกลับ ก็เลยถามคุณหมอว่าติดมาจากต่างประเทศหรือเปล่า แต่คุณหมอบอกว่าเป็นโรคระบาดที่อยู่ในเมืองไทย แล้วน้องก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ 3-4 วัน ก็อาจจะเป็นช่วงที่พาไปเดินห่าง หรือไปข้างนอก เพราะโรคนี้เป็นโรคที่มาตามอากาศ ความรู้สึกเราตอนรู้ว่าน้องเป็นโรคนี้ คือเสียใจ ร้องไห้ และกังวลมาก คือเราค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ แล้วเจอว่ามีเด็กเสียชีวิต มีเด็กอยู่ห้องCCUเป็นแบบหลายเดือน แล้วน้องก็ไม่เคยซึมหนักขนาดนั้น ไข้น้องก็สูงถึง 39 - 40  องศาเซลเซียส ก็เลยค่อนข้างกังวล และตกใจมาก เพราะตอนแรกเราคิดว่าอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือท้องเสีย แต่พอคุณหมอแจ้งเชื้อมาเราก็ช็อคไป ถามว่ามันคืออะไรคะ คุณหมอก็อธิบายให้ฟัง

(มีโอกาสหายขาดไหม?) คุณหมอบอกว่ามีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก เหมือนกับว่ารับเชื้อไปแล้ว แต่พอเป็นอีกครั้งก็จะเบาลงกว่านี้ (มีวิธีรักษา ป้องกันยังไง?) มันค่อนข้างยาก แต่คุณหมอก็แนะนำว่าพยายามอย่าให้เค้าอยู่กับสิ่งที่เป็นมลภาวะที่ไม่สะอาด ขยันล้างมือน้องบ่อยๆ แต่ก็เหมือนว่าเราเดินออกไปจากบ้านแล้วเจออากาศลอยมากับเชื้อนี้มันก็ติดแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นโรคที่ป้องกันยาก (ต่อไปต้องพาน้องออกงานจะยิ่งกังวลไหม?) ก็หลังจากที่น้องหายป่วย ก็พาน้องไปเก็บตัวเงียบอยู่ที่ภูเก็ต ดูอาการน้องว่าน้องโอเคหรือยัง (โรคนี้กระทบกับพัฒนาการไหม?) ไม่กระทบกับพัฒนาการค่ะ แต่คุณหมอก็ถามว่า ที่บ้านมีใครเป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดหรือเปล่า เราก็แจ้งไปว่าอ๋อ คุณพ่อน้องเป็นโรคภูมิแพ้ คุณหมอก็บอกเชื้อนี้จะไปกระตุ้นทำให้น้องเป็นโรคหอบหืดในอนาคตได้

(ด้านคุณพ่อรู้ข่าวแล้วนอยด์ไหม?) รู้ค่ะรู้ แต่พอดีว่าเค้าเพิ่งบินไปจีน ก็จะมีวีดีโอคอลมาหาน้องมากกว่า มีร้องไห้ด้วย เค้าร้องไห้ คือเราก็ร้องไห้ แล้วแบบไม่ไหวเลยทักไปหาเค้า เหมือนเราก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยู่โรงพยาบาลกับลูกแค่ 2 คน เราก็เหมือนกังวล เลยทักไปหาเค้า บอกไอไม่ไหวยู รู้สึกเหมือนว่าถ้าแม็กซ์แวลล์เป็นอะไรไป ไอคงอยู่บนโลกนี้ไม่ได้เค้าก็เหมือนแบบไม่เข้าใจโรคว่ามันเป็นอะไร เราก็เลยอธิบายให้เค้าฟัง เค้าก็ไปค้นหาข้อมูลว่ามันมีเด็กที่เสียชีวิตจากโรคนี้จริงๆ ก็คราวนี้เลยต่างคนต่างนอยด์ร้องไห้ใส่กัน ก็เล่าบอกเค้าว่าคุณหมอเตือนมาว่าพ่อน้องเป็นภูมิแพ้ น้องก็เสี่ยงที่จะเป็นแบบนี้ แต่เค้าก็บอกว่ามันมีวิธีแก้ เพราะโรคนี้ถ้าน้องขยันออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก บวกกับกินนมแม่ก็จะช่วยให้ลดไปด้วย หายขาดด้วย น้องก็ออกกำลังกายอยู่แล้วตอนนี้ วิ่งตลอดเวลา แล้วก็ยังทานนมคุณแม่อยู่ คุณหมอก็บอกแหละว่านมแม่จะทำให้น้องหายขาด เราก็เลยให้ทานต่อ 

(เรื่องเรียนได้ตัดสินใจหรือยัง?) ยัง มีแต่คนถามเรื่องนี้ รู้สึกกดดันขึ้น คือเหมือนเรายังเลืกไม่ได้ว่าจะให้น้องเรียนที่ไหนกันแน่ แต่ตอนนี้เหมือนยังลังเลอยู่ คือใจอยากให้ไปต่างประเทศ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมอะไรต่างๆ ดูว่าถ้าเราไปอยู่ที่โน่นก็ดูลำบาก และเหนื่อยด้วย เพราะเหมือนไปสองคน แล้วมันต่างถิ่นต่างแดน ห่างไกลกับพ่อแม่เราด้วย และทุกคนก็บอกว่าไม่ภูเก็ตก็กรุงเทพฯดีกว่า อย่าเพิ่งไปถึงตรงนู้นเลย กลัวว่าไปแล้วจะเหนื่อยเปล่า .."



From: http://www.siamdrama.com/view-5321.html

You Might Also Like

0 comments